J.Test of Practical Japanese(J.TEST)

J.Test of Practical Japanese(J.TEST) ได้จัดขึ้นตั้งแต่ปี 1991 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของผู้ที่ไม่ใช่ชาวญี่ปุ่นอย่างเป็นวัตถุประสงค์

ในแต่ละปีมีผู้เข้าสอบประมาณ 60,000 คน ซึ่งรวมถึงชาวต่างชาติที่ทำงานในบริษัทญี่ปุ่น นักเรียนต่างชาติ และนักเรียนในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น

จุดเด่นของ J.TEST คือให้ความสำคัญกับ ทักษะการฟัง เป็นอย่างมาก โดยมีคำถามจำนวนมากที่ครอบคลุมสำนวนและการใช้ภาษาที่พบได้จริงในชีวิตประจำวันและในที่ทำงาน

อีกหนึ่งลักษณะเฉพาะของการสอบนี้คือการมีข้อสอบแบบเขียน ซึ่งไม่ค่อยพบในการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นอื่นๆ เช่น คำถามที่ให้เขียนการอ่านคันจิหรือให้เขียนเรียงความสั้นๆ

มหาวิทยาลัยและโรงเรียนอาชีวศึกษาบางแห่งในประเทศญี่ปุ่นใช้ผลสอบ J.TEST เป็นหลักฐานแสดงความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น ดังนั้นจึงมีบางคนที่สอบเพื่อใช้ในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนอาชีวศึกษา

ผู้เรียนภาษาญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยก็สอบ J.TEST เพื่อประเมินระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของตนเอง

หน้านี้จะอธิบายภาพรวมของ J.TEST รวมถึงเป้าหมาย ความยาก อัตราการผ่าน ฯลฯ

Sponsor Link

ภาพรวม

J.TEST ได้จัดขึ้นตั้งแต่ปี 1991 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของผู้ที่ไม่ใช่ชาวญี่ปุ่นอย่างเป็นวัตถุประสงค์

J.TEST ดำเนินการโดย the Association for Testing Japanese /J.Test Office และ GOBUN KENKYUSYA Co.,Ltd

การสอบ J.TEST แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับ A-C ระดับ D-E และระดับ F-G โดยจะวัดทักษะดังต่อไปนี้:

⚫︎ ตัวอักษร คำศัพท์ คันจิ

⚫︎ การอ่านความเข้าใจ

⚫︎ การฟังความเข้าใจ

⚫︎ การเขียน

ข้อสอบแบบเขียนจะมีเฉพาะในระดับ A-C และระดับ D-E โดยจะมีคำถามเช่น การเขียนการอ่านคันจิหรือให้เขียนเรียงความสั้นๆ

สำหรับระดับ F-G จะไม่มีข้อสอบแบบเขียน และคำถามทั้งหมดจะเป็นแบบปรนัย

เป้าหมาย

ผู้ที่สามารถเข้าสอบ J.TEST คือผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาแม่

แม้คุณจะเป็นชาวญี่ปุ่น แต่ถ้าภาษาแม่ของคุณไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่น ก็สามารถเข้าสอบได้เช่นกัน

การสอบนี้เหมาะสำหรับผู้เรียนระดับมัธยมต้นขึ้นไป

วันที่ทดสอบ

ระดับ A-C และระดับ D-E จะจัดขึ้นปีละ 6 ครั้ง ส่วนระดับ F-G จะจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง

ในปี 2024 ระดับ A-C และระดับ D-E จะจัดใน 14 มกราคม, 10 มีนาคม, 12 พฤษภาคม, 14 กรกฎาคม, 8 กันยายน และ 3 พฤศจิกายน

ส่วนระดับ D-E จะจัดขึ้นใน 12 พฤษภาคม และ 3 พฤศจิกายน

ความยาก

การสอบ J.TEST แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ระดับ A–C สำหรับผู้เรียนระดับสูง ระดับ D–E สำหรับผู้เรียนระดับต้นถึงระดับกลาง และระดับ F–G สำหรับผู้เริ่มต้น

ระดับ A-C

ระดับ A-C มีความยากเท่ากับหรือมากกว่าระดับ JLPT N1 และ N2 บางคำถามวัดทักษะการสื่อสารที่สูงกว่าระดับ JLPT N1

การวัดผลจะถูกจัดเป็นระดับพิเศษ A, ระดับ A, ระดับกึ่ง A, ระดับ B, ระดับกึ่ง B และระดับ C ตามคะแนนที่ได้

⚫︎ ระดับพิเศษ A

สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อหัวข้อเฉพาะทางในหลากหลายสาขาและสถานการณ์ได้ และมีทักษะการสื่อสารขั้นสูง

⚫︎ ระดับ A

สามารถเข้าใจหัวข้อเฉพาะทางในหลากหลายสาขาและสถานการณ์ได้ และมีทักษะการสื่อสารที่เพียงพอ

⚫︎ ระดับกึ่ง A

สามารถเข้าใจหัวข้อทั่วไปส่วนใหญ่ในหลากหลายสาขาและสถานการณ์ได้ และมีทักษะการสื่อสารที่เพียงพอ

⚫︎ ระดับ B

มีทักษะการสื่อสารที่เพียงพอในสาขาและสถานการณ์ทั่วไป

⚫︎ ระดับกึ่ง B

มีทักษะการสื่อสารที่เพียงพอในชีวิตประจำวันและที่ทำงาน

⚫︎ ระดับ C

มีทักษะการสื่อสารขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวันและที่ทำงาน

ระดับ D-E

ระดับ D-E มีความยากใกล้เคียงกับ JLPT N3 และ N4

การวัดผลจะถูกจัดเป็นระดับ D และระดับ E ตามคะแนนที่ได้

⚫︎ ระดับ D

มีทักษะการสื่อสารในระดับหนึ่งในสถานการณ์จำกัดทั้งในชีวิตประจำวันและที่ทำงาน

⚫︎ ระดับ E

สามารถสื่อสารได้ หากเป็นขอบเขตภาษาญี่ปุ่นระดับต้นในสถานการณ์จำกัดทั้งในชีวิตประจำวันและที่ทำงานได้

ระดับ F-G

ระดับ F-G มีความยากใกล้เคียงกับ JLPT N5

การวัดผลจะถูกจัดเป็นระดับ F และระดับ G ตามคะแนนที่ได้

⚫︎ ระดับ F

สามารถสื่อสารได้ หากเป็นขอบเขตภาษาญี่ปุ่นระดับต้น

⚫︎ ระดับ G

สามารถสื่อสารได้ หากเป็นขอบเขตภาษาญี่ปุ่นระดับเบื้องต้น

เกณฑ์การผ่าน

คะแนนเต็มและคะแนนผ่านจะแตกต่างกันไปในแต่ละการสอบระดับ A-C, ระดับ D-E และระดับ F-G

ระดับ A-C

ระดับ A–C มีคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน ผู้ที่ได้ 600 คะแนนขึ้นไปถือว่าผ่าน การจัดระดับจะขึ้นอยู่กับคะแนนที่ได้

อย่างไรก็ตาม หากผู้เข้าสอบได้คะแนนเป็น 0 ในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งจากทั้งหมด 8 หัวข้อ จะถือว่าสอบไม่ผ่าน

ระดับคะแนน
ระดับพิเศษ A930 ขึ้นไป
ระดับ A900 ขึ้นไป
ระดับกึ่ง A850 ขึ้นไป
ระดับ B800 ขึ้นไป
ระดับกึ่ง B700 ขึ้นไป
ระดับ C600 ขึ้นไป

คะแนน 700 เทียบเท่าความยากในระดับ JLPT N1
คะแนน 600 เทียบเท่าความยากในระดับ JLPT N2

ระดับ D-E

ระดับ D–E มีคะแนนเต็ม 700 คะแนน ผู้ที่ได้ 350 คะแนนขึ้นไปถือว่าผ่าน การจัดระดับจะขึ้นอยู่กับคะแนนที่ได้

อย่างไรก็ตาม หากผู้เข้าสอบได้คะแนนเป็น 0 ในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งจากทั้งหมด 8 หัวข้อ จะถือว่าสอบไม่ผ่าน

ระดับคะแนน
ระดับ D500 ขึ้นไป
ระดับ E350 ขึ้นไป

คะแนน 500 เทียบเท่าความยากในระดับ JLPT N3
คะแนน 350 เทียบเท่าความยากในระดับ JLPT N4

การทดสอบระดับ F-G

ระดับ F-G มีคะแนนเต็ม 350 คะแนน ผู้ที่ได้ 180 คะแนนขึ้นไปถือว่าผ่าน การจัดระดับจะขึ้นอยู่กับคะแนนที่ได้

อย่างไรก็ตาม หากผู้เข้าสอบได้คะแนนเป็น 0 ในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งจากทั้งหมด 8 หัวข้อ จะถือว่าสอบไม่ผ่าน

ระดับคะแนน
ระดับ F250 ขึ้นไป
ระดับ G180 ขึ้นไป

คะแนน 250 เทียบเท่าความยากในระดับ JLPT N5

อัตราการผ่าน

จำนวนผู้เข้าสอบและจำนวนผู้เข้าสอบตามแต่ละระดับในปี 2020 มีดังต่อไปนี้ ข้อมูลตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไปม่มีการเปิดเผย

ระดับ A-C

ระดับผู้เข้าสอบ
(คน)
ผู้เข้าสอบตามแต่ละระดับ (คน)
ระดับพิเศษ A83
ระดับ A109
ระดับกึ่ง A362
ระดับ B613
ระดับกึ่ง B2,262
ระดับ C3,802
สอบไม่ผ่าน13,889
ทั้งหมด21,12121,121

การทดสอบระดับ D-E

ระดับผู้เข้าสอบ
(คน)
ผู้เข้าสอบตามแต่ละระดับ (คน)
ระดับ D6,075
ระดับ E13,369
สอบไม่ผ่าน16,780
ทั้งหมด36,22436,224

การทดสอบระดับ F-G

ระดับผู้เข้าสอบ
(คน)
ผู้เข้าสอบตามแต่ละระดับ (คน)
ระดับ F4,708
ระดับ G4,890
สอบไม่ผ่าน6,214
ทั้งหมด15,81215,812

ขั้นตอนการเข้าสอบ

ขั้นตอนการเข้าสอบเมื่อเข้าสอบในประเทศญี่ปุ่นมีดังนี้

1. ชำระค่าธรรมเนียมการสอบเข้าบัญชีที่กำหนดผ่านเครื่อง ATM หรือที่ธนาคาร

2. ถ่ายรูปหน้าตัวเอง บัตรประจำตัวประชาชน และสลิปการโอนเงิน

3. เข้าเว็บไซต์ J.TEST กรอกข้อมูลที่จำเป็น และลงทะเบียนสำรอง

4. ได้รับอีเมลการลงทะเบียน ให้คลิกลิงก์ในอีเมล อัปโหลดรูปภาพ กรอกข้อมูลที่จำเป็น และทำการลงทะเบียน (ประมาณ 1.5 เดือน – 1 เดือนก่อนวันสอบ)

5. ได้รับอีเมลแจ้งยืนยันการลงทะเบียนเรียบร้อย ให้คลิกลิงก์ในอีเมลเพื่อเข้าสู่ My Page ดาวน์โหลดและพิมพ์ใบสมัครสอบ (ประมาณ 12 วันก่อนวันสอบจนถึงวันสอบ)

6. สอบ

7. เข้าเว็บไซต์ J.TEST เพื่อตรวจสอบผลคะแนน (ประมาณ 23 วันหลังสอบ)

8. รับรายงานผลคะแนน(ส่งประมาณ 1 เดือนหลังสอบ)

ถ้าคุณจะสอบในต่างประเทศ ขั้นตอนการเข้าสอบจะแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค ดังนั้น คุณจะต้องตรวจสอบกับสำนักงานในแต่ละประเทศ

รายงานผลคะแนนจะถูกส่งไปยังผู้เข้าสอบทุกคน และผู้ที่สอบผ่านจะได้รับใบรับรองด้วย

สถานที่สอบ

การสอบจัดขึ้นในบางจังหวัดของญี่ปุ่น

คุณสามารถเลือกสถานที่สอบได้ตอนลงทะเบียน

สถานที่สอบสำหรับระดับ A-C และระดับ D-E มีดังนี้

⚫︎ ชิบะ โตเกียว โยโกฮาม่า นาโกย่า โอซาก้า โกเบ, ฟุกุโอกะ(มกราคม มีนาคม พฤษภาคม กรกฎาคม กันยายน พฤศจิกายน)

⚫︎ ซัปโปโร เซนได ไซตามะ ชิซุโอกะ เกียวโต ฮิโรชิมะ โออิตะ โอกินาว่า(พฤษภาคม พฤศจิกายน)

⚫︎ อิบารากิ โทจิกิ กุนมะ อิชิกาวะ กิฟุ, มิเอะ โอคายามะ ทาคามัตสึ คุมะโมะโตะ(มกราคม กันยายน)

สถานที่สอบสำหรับระดับ F-G มีดังนี้

⚫︎ โตเกียว นาโกย่า โอซาก้า ฟุกุโอกะ(พฤษภาคม พฤศจิกายน)

นอกจากนี้ คุณยังสามารถสอบ J.TEST ในต่างประเทศได้ โดยการสอบจัดขึ้นในประเทศและภูมิภาคดังนี้

⚫︎ จีน

⚫︎ ไต้หวัน

⚫︎ เกาหลีใต้

⚫︎ ไทย

⚫︎ มองโกเลีย

⚫︎ เวียดนาม

⚫︎ บังคลาเทศ

⚫︎ อินโดนีเซีย

⚫︎ ฟิลิปปินส์

⚫︎ บราซิล

⚫︎ เนปาล

⚫︎ พม่า

⚫︎ ลาว

การสอบอาจไม่จัดในบางวันขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศหรือภูมิภาค

Sponsor Link